กระแสการติดตั้งโซลาร์เซลล์กำลังเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เพราะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ่ายค่าไฟฟ้า และยังเป็นช่วยโลกประหยัดพลังงานอีกด้วย สำหรับคนที่กำลังมองหาข้อมูลเกี่ยวกับโซลาร์เซลล์ วันนี้เรามีข้อมูลของโซลาร์เซลล์ว่าคืออะไร มีกี่แบบ และเทคนิคการเลือกใช้โซลาร์เซลล์มาฝากกัน
โซลาร์เซลล์ คืออะไร?
โซลาร์เซลล์ หรือ Photovoltaics (PV) เป็นการนำโซลาร์เซลล์จำนวนหลายๆเซลล์มาต่อวงจรรวมกันเป็นแผงขนาดใหญ่ เพื่อให้สามารถผลิตและจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ โดยไฟฟ้าที่ได้นั้นจะเป็นไฟฟ้ากระแสตรง DC (Direct Current) แต่เนื่องจากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้งานภายในบ้านของเราส่วนใหญ่เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ AC (Alternating Current) ฉะนั้นก่อนใช้งานจึงต้องนำมาแปลงไฟเสียก่อน โดยต่อเข้ากับเครื่องแปลงไฟ หรือที่เรียกว่า อินเวอร์เตอร์ (Inverter) นั่นเอง
โซลาร์เซลล์ มีกี่แบบ?
แผงโซลาร์เซลล์ที่นิยมใช้ในประเทศไทย มีอยู่ 3 แบบด้วยกัน ดังนี้
- แผงโมโนคริสตัลไลน์ (Monocrystalline Silicon Solar Cells)
ทำมาจากผลึกซิลิคอนเชิงเดี่ยวที่มีคุณภาพและมีความบริสุทธิ์สูง สังเกตได้จากลักษณะของเซลล์ที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมตัดมุมทั้งสี่มุม และมีสีเข้ม
ข้อดี
- สามารถผลิตไฟได้ดีแม้อยู่ในสภาวะแสงน้อย
- มีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะผลิตมาจากซิลิคอนเกรดดีที่สุด โดยมีประสิทธิภาพเฉลี่ยอยู่ที่ 15 – 20%
- มีอายุการใช้งานยาวนาน เฉลี่ยประมาณ 25 ปีขึ้นไป
ข้อเสีย
- หากมีคราบสกปรกบนแผงเป็นเวลานาน จะทำให้ระบบอินเวอร์เตอร์ไหม้ได้
- มีราคาค่อนข้างสูง
- แผงโพลีคริสตัลไลน์ (Polycrystalline Silicon Solar Cells)
ทำมาจากผลึกซิลิคอนเหมือนแผงแบบโมโนคริสตัลไลน์ แต่มีขั้นตอนการผลิตแตกต่างกัน โดยแผงโพลีคริสตัลไลน์เป็นการนำซิลิคอนเหลวมาเทใส่พิมพ์ที่เป็นสี่เหลี่ยม จากนั้นตัดแบ่งให้เป็นแผ่นบางๆ ทำให้เซลล์แต่ละเซลล์เป็นรูปสี่เหลี่ยมต่อๆกัน ไม่มีการตัดมุม และใช้ปริมาณซิลิคอนในการผลิตน้อยกว่า แผงเป็นสีน้ำเงินแต่ไม่เข้มมาก
ข้อดี
- สามารถใช้งานในพื้นที่ที่อุณหภูมิสูงกว่าแผงคริสตัลไลน์เล็กน้อย
- มีราคาถูกกว่าแผงแบบโมโนคริสตัลไลน์
ข้อเสีย
- มีประสิทธิภาพโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 13 – 16% ซึ่งต่ำกว่าเมื่อเทียบกับแผงแบบโมโนคริสตัลไลน์
- มีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างสั้น
- แผงโซลาร์เซลล์ชนิด ฟิล์มบาง (Thin Film Solar Cells)
เป็นการนำสารที่มีคุณสมบัติในการเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ไปเป็นพลังงานไฟฟ้ามาฉาบเป็นชั้นฟิล์มบางๆ ซ้อนกันหลายชั้น ซึ่งสารฉาบก็มีหลายชนิด ชนิดฟิล์มบางจึงแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับชนิดวัสดุที่นำมาใช้
ข้อดี
- มีน้ำหนักเบา สามารถโค้งงอได้ดี
- ทนต่อสภาพอากาศที่ร้อนจัด
- ไม่มีปัญหาเรื่องแผงสกปรกแล้วทำให้วงจรไหม้
- ราคาถูก
ข้อเสีย
- มีประสิทธิภาพต่ำ
- สิ้นเปลืองค่าโครงสร้างและอุปกรณ์อื่นๆ เช่น สายไฟ
- ไม่เหมาะนำมาใช้ตามหลังคาบ้าน เพราะมีพื้นที่จำกัด
- มีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างสั้น
เทคนิคการเลือกใช้โซลาร์เซลล์
- เลือกแผงโซลาร์เซลล์ให้เหมาะกับการใช้งาน
แผงโมโนคริสตัลไลน์ และแผงโพลีคริสตัลไลน์ เหมาะกับการติดตั้งบนหลังคาบ้าน คุณภาพไม่ต่างกันมากนัก แต่เมื่อเทียบกำลังวัตต์ที่เท่ากัน แผงโมโนคริสตัลไลน์จะมีขนาดเล็กกว่า เหมาะกับการติดตั้งในพื้นที่จำกัดอย่าง หลังคาบ้าน แต่ถ้าใครต้องการแผงที่ราคาถูก สามารถเลือกใช้แผงโพลีคริสตัลไลน์เเทนได้ เพราะมีราคาถูกกว่าประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนคนที่ต้องการนำแผงโซลาร์เซลล์ไปใช้งานโดยตรงกับปั๊มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ให้เลือกแผงโซลาร์เซลล์ที่มีกำลังวัตต์มากกว่าเท่าตัว เพราะการสตาร์ทปั๊มน้ำในช่วงแรกจะต้องใช้กระแสไฟมากพอสมควร ส่วนผู้ที่ใช้ร่วมกับแบตเตอรี่ควรเลือกแผงโซลาร์เซลล์มีกำลังวัตต์มากกว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างน้อย 20 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเป็นการถนอมแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น
- กำลังวัตต์ของแผงโซลาร์เซลล์ที่ผลิตได้
แผงโซลาร์เซลล์มีหลายขนาดให้เลือกใช้ ตั้งแต่ 10 – 300 วัตต์ขึ้นไป อายุการใช้งานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 20 – 25 ปี แต่เมื่อเวลาผ่านไปประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าก็จะลดลงตามลำดับ สำหรับแผงโซลาร์เซลล์ที่ได้มาตรฐานเมื่อผ่านไป 10 ปี ประสิทธิภาพของแผงโซลาร์เซลล์จะลดลงเหลือประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ และ 25 ปี จะลดลงเหลือประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ควรเลือกขนาดกำลังวัตต์ ให้เหมาะกับการใช้งานในรูปแบบต่างๆ เช่น โซลาร์เซลล์ขนาด 10 – 20 วัตต์ ใช้เป็นไฟส่องสว่างทางเดินในบ้านหรือในสวน โซลาร์เซลล์ขนาด 225 วัตต์ขึ้นไป ใช้กับปั๊มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น
- การให้บริการหลังการขาย และการรับประกัน
การให้บริการหลังการขายเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ให้บริการต้องมีให้กับลูกค้า และบริษัทติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่ดีจะต้องมีการรับประกันให้กับลูกค้าด้วย โดยปกติการรับประกันจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ รับประกันสินค้า 10 ปี และรับประกันประสิทธิภาพของแผง 25 ปี แต่บางผู้ให้บริการอาจมีระยะเวลาในการรับประกันแตกต่างกัน และมีการรับประกันอุปกรณ์อื่นๆร่วมด้วย